30 ก.ย.62- ที่ศาลอาญาธนบุรี ถ.เอกชัย ศาลอ่านคำพิพากษาคดีแก๊งค์งานบวชบุกโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ หมายเลขดำ อ.399/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรี 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมนตรี หรืออุ๊ พูลทรัพย์ อายุ 32 ปีกับพวก ซึ่งเป็นชายอายุตั้งแต่ 18 ปี - 41 ปี เป็นจำเลยที่ 1-22 ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญฯ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, ร่วมกันบุกรุกเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข โดยใช้กำลังประทุษร้าย และโดยกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ และทรัพย์สินของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ต่อหน้าธารกำนัล, บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย รวม 7 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา 215, 278, 281, 295, 309, 358, 362, 365 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 3, 31, 42 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 92 โดยโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ และผู้ปกครองของนักเรียน 3 คน ในฐานะผู้เสียหายที่ 1-4 ได้ยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าเสียหายด้วย
โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2562 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2562 เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะที่มีการสอบ GAT/PAT ภายในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ จำเลยทั้ง 22 คน ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย และร่วมกันทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนและครูคุมสอบ ผู้เสียหายรวม 15 คน และยังร่วมกันทำให้ทรัพย์สินของโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องเสียหายรวม 2 ราย นอกจากนี้ยังร่วมกับข่มขืนใจผู้อื่นฯ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัด และนายวัลลภ หรือเอกไฝ นุชแฟง อายุ 32 ปี จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กนักเรียนหญิง (ด้วยการกอดและหอมแก้ม)
โดยนับตั้งแต่จำเลยถูกดำเนินคดีช่วงต้นปี 2562 จำเลยทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัว ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษธนบุรี ขณะที่ชั้นพิจารณาคดี มีจำเลย 6 คน ให้การรับสารภาพตามฟ้อง, จำเลยบางคนรับว่าเข้าไปในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมทำผิดและไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้าย โดยจำเลยทั้งหมด 22 คน ปฏิเสธข้อหามั่วสุมเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ส่วนนายดลราม หรือฟลุค เก่งวิชา อายุ 27 ปี จำเลยที่ 16 ปฏิเสธข้อหาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัด วันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 22 คน มาจากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า คดีนี้มีพยานโจทก์เบิกความยืนยันในชั้นศาล สอดคล้องกับคำให้การชั้นสอบสวน และบันทึกการชี้ตัวผู้ต้องหา กับบันทึกการชี้ตัวของพยานซึ่งได้กระทำในทันทีทันใดหลังเกิดเหตุจึงน่าเชื่อถือ รับฟังได้ว่ามีจำเลยบางคนทำร้ายร่างกายตั้งแต่ทำร้าย รปภ., ผอ.โรงเรียน ขณะที่บางคนทำลายทรัพย์สินของโรงเรียน และบางคนไล่ครูคุมสอบกับนักเรียนออกจากห้องสอบ โดยเป็นการกระทำไปสู่เจตนาร่วมกันก่อความวุ่นวายขึ้นภายในโรงเรียนเพื่อขัดขวางการสอบ และเพื่อตอบโต้ที่จำเลยทั้ง 16 คนไม่สามารถใช้เครื่องเสียงในงานบวชได้
เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แวดล้อมประกอบแล้ว จำเลยทั้ง 16 คนอยู่อยู่ภายในงานบวชด้วยกัน แต่งกายลักษณะเดียวกัน เดินไปที่เกิดเหตุพร้อมกันในเวลาใกล้ชิดกัน และกลับออกจากที่เกิดเหตุในเวลาใกล้ชิดกัน จึงฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 16 คน เป็นตัวการร่วม ซึ่งการบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายนั้น ก็เพื่อเข้าไปมั่วสุมกันก่อความวุ่นวายขึ้นในโรงเรียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเมือง โดยใช้วิธีขับไล่ครูคุมสอบและนักเรียนให้ออกจากห้องสอบอันเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นฯ ถือเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด และยังเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์อีกกระทงหนึ่งด้วย กับความผิดทำร้ายผู้เสียหาย 1 ราย ซึ่งถูกผลักหน้าอก แต่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย และกระทำอนาจารนักเรียนหญิง 1 รายต่อหน้าธารกำนัล ด้วย
พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 16 คน ฐานร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย, ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัด นอกจากนี้ให้เพิ่มโทษจำเลยที่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อนด้วย
โดย ให้จำคุกนายมนตรี จำเลยที่ 1 และนายเอกลักษณ์ หรืออาร์ม พูลทรัพย์ อายุ 26 ปี จำเลยที่ 18 คนละ 15 ปี 11 เดือน
นายวัลลภ หรือเอกไฝ จำเลยที่ 2 ซึ่งถูกกล่าวหากระทำอนาจารนักเรียนหญิง จำคุก 17 ปี 5 เดือน, นายชาติสยาม จันทรวิภาค อายุ 24 ปี จำเลยที่ 3 จำคุก 13 ปี 2 เดือน 15 วัน
นายณัฐพงศ์ หรือเต้ย นุชแฟง จำเลยที่ 4, นายวรภัทร หรือแอม พินิจปรีชา อายุ 28 ปี จำเลยที่ 10, นายจิรายุทธ หรือบอย อาจอาสา อายุ 25 ปี จำเลยที่ 12, นายวิโรจน์ หรือโอ คำชาย อายุ 28 ปี จำเลยที่ 15 ให้จำคุกคนละ 18 ปี 11 เดือน
นายสมชาย หรือปี๊ด แก้วสิมมา อายุ 26 ปี จำเลยที่ 7, นายธวัช หรือวัช สดำพงษ์ อายุ 33 ปี จำเลยที่ 9 ให้จำคุกคนละ 13 ปี 7 เดือน 10 วัน, นายอนุกูล หรือเอกหนัง สังข์ศรี อายุ 33 ปี จำเลยที่ 11 จำคุก 13 ปี 10 เดือน 15 วัน, นายธิติ หรือ ออฟ ไวยสุกรี อายุ 26 ปี จำเลยที่ 13 จำคุก 11 ปี 10 เดือน 15 วัน, นายเมืองแมน หรือนาจ นิลโพธิ์ทอง อายุ 18 ปีเศษ จำเลยที่ 14 จำคุก 13 ปี 6 เดือน 20 วัน, นายขวัญชัย หรือขวัญ สุขเสมอ อายุ 29 ปี จำเลยที่ 17 จำคุก 19 ปี 3 เดือน, นายไน้ท หรือปอน จ้อยเจริญ อายุ 20 ปี จำเลยที่ 19 จำคุก 14 ปี 10 เดือน 22 วัน, นายชนะชัย หรือกอล์ฟ ใจหล้า อายุ 25 ปี จำเลยที่ 20 จำคุก 16 ปี 4 เดือน 22 วัน
และให้จำเลยรวม 16 คน คือจำเลยที่ 1-4, 7, 9-15, 17-20 ให้ร่วมกันชดใช้เงิน 35,400 บาท ให้กับโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์, ชดใช้เงินให้กับผู้เสียหายที่ 16 จำนวน 56,142.50 บาท, ให้จำเลยที่ 1-4, 7, 10, 12 ร่วมกันชดใช้เงิน 35,737 บาท ให้กับผู้เสียหายที่ 10, ให้จำเลยที่ 15 กับที่ 17 ชดใช้เงิน 55,352.50 บาท ให้กับผู้เสียหายที่ 12
ให้จำคุกนายศรายุทธ หรือเต๋า นุชแฟง อายุ 24 ปี จำเลยที่ 5, นายจีรศักดิ์ หรือหนึ่ง นีละเสวี อายุ 41 ปี จำเลยที่ 6, นายชัชศิริ หรือกล้วย แซ่โง้ว อายุ 39 ปี จำเลยที่ 8, นายสิทธิชัย หรือต่าย จรสุข อายุ 37 ปี จำเลยที่ 21 และนายพีรพล หรือนะ เอมชาวนา อายุ 28 ปี จำเลยที่ 22 ให้จำคุก คนละ 2 เดือน ปรับคนละ 2,500 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้ มีกำหนด 2 ปี พิพากษายกฟ้อง นายดลราม หรือฟลุค เก่งวิชา อายุ 27 ปี จำเลยที่ 16
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้ศาลจำคุกจำเลยสูงสุด 19 ปี 3 เดือน จึงเห็นว่าศาลได้พิพากษาลงโทษสถานหนักแล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เป็นการท้าทายสังคมและกฎหมาย โดยคำตัดสินก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนอัยการเราทำหน้าที่ฟ้องคดีไปตามกฎหมาย ข้อเท็จจริงและหลักฐานทางคดี อัยการเราได้ตรวจสอบดูภาพถ่ายในที่เกิดเหตุ ดูภาพจากกล้องวงจรปิดและวัตถุพยานว่าใครเข้าร่วมเหตุการณ์ ใครโบกมือห้ามเพื่อน ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ยืนยันว่า อัยการไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ใด
สุดท้ายนี้ ตนอยากให้ทั้ง 2 คดี คือ บุกโรงเรียนวัดสิงห์กับคดีลัลลาเบล เป็นบทเรียนให้กับวัยรุ่นที่ไปกับเพื่อน ต้องรู้จักรักตัวเองให้มาก สถานที่ใดเป็นสถานที่อโคจรก็ไม่ควรไป และต้องรู้จุดไหนสถานการณ์ใดควรต้องแยกตัวออกมา ไม่ว่างานบวช หรืองานรื่นเริงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากมีสุรา สิ่งมึนเมาเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมา ดังนั้นเราต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดคือ พ่อแม่และตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงายเพิ่มว่า กรณีบุกรุกโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ดังกล่าว นอกจากชายฉกรรจ์ที่ถูกยื่นฟ้องแล้ว ก็ยังมีกลุ่มเยาวชนอีก 4 คน ที่เป็นชายอายุ 16 ปี 2 คน และอายุ 17 ปี อีก 2 คน ซึ่งร่วมกับกลุ่มชายฉกรรจ์งานบวชพระวัดสิงห์นั้น ก็แยกดำเนินการตามขั้นตอน ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังศาลพิพากษาจำคุกแก๊งค์งานบวชวัดสิงห์ จำนวน 16 คน โดยไม่รอลงอาญาแล้ว จนกระทั่งสิ้นสุดเวลาทำการ ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้ง 16 คนแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวจำเลยทั้ง 16 คน ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษธนบุรีต่อไป
เครดิต ThaiPost.