ศาลสั่งจำคุกคนละ16ปี โจ๋บุกโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ จำคุกโจ๋บุกโรงเรียนวัดสิงห์ในขณะที่เด็กกำลังสอบ GAT PAT

30 ก.ย.62- ที่ศาลอาญาธนบุรี ถ.เอกชัย ศาลอ่านคำพิพากษาคดีแก๊งค์งานบวชบุกโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ หมายเลขดำ อ.399/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรี 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมนตรี หรืออุ๊ พูลทรัพย์ อายุ 32 ปีกับพวก ซึ่งเป็นชายอายุตั้งแต่ 18 ปี - 41 ปี เป็นจำเลยที่ 1-22 ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญฯ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, ร่วมกันบุกรุกเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข โดยใช้กำลังประทุษร้าย และโดยกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ และทรัพย์สินของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ต่อหน้าธารกำนัล, บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย รวม 7 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา 215, 278, 281, 295, 309, 358, 362, 365 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 3, 31, 42 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 92 โดยโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ และผู้ปกครองของนักเรียน 3 คน ในฐานะผู้เสียหายที่ 1-4 ได้ยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าเสียหายด้วย

โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2562 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2562  เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะที่มีการสอบ GAT/PAT ภายในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ จำเลยทั้ง 22 คน ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย และร่วมกันทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนและครูคุมสอบ ผู้เสียหายรวม 15 คน และยังร่วมกันทำให้ทรัพย์สินของโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องเสียหายรวม 2 ราย นอกจากนี้ยังร่วมกับข่มขืนใจผู้อื่นฯ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัด และนายวัลลภ หรือเอกไฝ นุชแฟง อายุ 32 ปี จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กนักเรียนหญิง (ด้วยการกอดและหอมแก้ม) 

โดยนับตั้งแต่จำเลยถูกดำเนินคดีช่วงต้นปี 2562 จำเลยทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัว ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษธนบุรี ขณะที่ชั้นพิจารณาคดี มีจำเลย 6 คน ให้การรับสารภาพตามฟ้อง, จำเลยบางคนรับว่าเข้าไปในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมทำผิดและไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้าย โดยจำเลยทั้งหมด 22 คน ปฏิเสธข้อหามั่วสุมเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ส่วนนายดลราม หรือฟลุค เก่งวิชา อายุ 27 ปี จำเลยที่ 16 ปฏิเสธข้อหาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัด วันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 22 คน มาจากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า คดีนี้มีพยานโจทก์เบิกความยืนยันในชั้นศาล สอดคล้องกับคำให้การชั้นสอบสวน และบันทึกการชี้ตัวผู้ต้องหา กับบันทึกการชี้ตัวของพยานซึ่งได้กระทำในทันทีทันใดหลังเกิดเหตุจึงน่าเชื่อถือ รับฟังได้ว่ามีจำเลยบางคนทำร้ายร่างกายตั้งแต่ทำร้าย รปภ., ผอ.โรงเรียน ขณะที่บางคนทำลายทรัพย์สินของโรงเรียน และบางคนไล่ครูคุมสอบกับนักเรียนออกจากห้องสอบ โดยเป็นการกระทำไปสู่เจตนาร่วมกันก่อความวุ่นวายขึ้นภายในโรงเรียนเพื่อขัดขวางการสอบ และเพื่อตอบโต้ที่จำเลยทั้ง 16 คนไม่สามารถใช้เครื่องเสียงในงานบวชได้

เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แวดล้อมประกอบแล้ว จำเลยทั้ง 16 คนอยู่อยู่ภายในงานบวชด้วยกัน แต่งกายลักษณะเดียวกัน เดินไปที่เกิดเหตุพร้อมกันในเวลาใกล้ชิดกัน และกลับออกจากที่เกิดเหตุในเวลาใกล้ชิดกัน จึงฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 16 คน เป็นตัวการร่วม ซึ่งการบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายนั้น ก็เพื่อเข้าไปมั่วสุมกันก่อความวุ่นวายขึ้นในโรงเรียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเมือง โดยใช้วิธีขับไล่ครูคุมสอบและนักเรียนให้ออกจากห้องสอบอันเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นฯ ถือเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด และยังเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์อีกกระทงหนึ่งด้วย กับความผิดทำร้ายผู้เสียหาย 1 ราย ซึ่งถูกผลักหน้าอก แต่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย และกระทำอนาจารนักเรียนหญิง 1 รายต่อหน้าธารกำนัล ด้วย

พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 16 คน ฐานร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย, ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัด นอกจากนี้ให้เพิ่มโทษจำเลยที่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อนด้วย


โดย ให้จำคุกนายมนตรี จำเลยที่ 1 และนายเอกลักษณ์ หรืออาร์ม พูลทรัพย์ อายุ 26 ปี จำเลยที่ 18 คนละ 15 ปี 11 เดือน


นายวัลลภ หรือเอกไฝ จำเลยที่ 2 ซึ่งถูกกล่าวหากระทำอนาจารนักเรียนหญิง จำคุก 17 ปี 5 เดือน, นายชาติสยาม จันทรวิภาค อายุ 24 ปี จำเลยที่ 3 จำคุก 13 ปี 2 เดือน 15 วัน


นายณัฐพงศ์ หรือเต้ย นุชแฟง จำเลยที่ 4, นายวรภัทร หรือแอม พินิจปรีชา อายุ 28 ปี จำเลยที่ 10, นายจิรายุทธ หรือบอย อาจอาสา อายุ 25 ปี จำเลยที่ 12, นายวิโรจน์ หรือโอ คำชาย อายุ 28 ปี จำเลยที่ 15 ให้จำคุกคนละ 18 ปี 11 เดือน


นายสมชาย หรือปี๊ด แก้วสิมมา อายุ 26 ปี จำเลยที่ 7, นายธวัช หรือวัช สดำพงษ์ อายุ 33 ปี จำเลยที่ 9 ให้จำคุกคนละ 13 ปี 7 เดือน 10 วัน, นายอนุกูล หรือเอกหนัง สังข์ศรี อายุ 33 ปี จำเลยที่ 11 จำคุก 13 ปี 10 เดือน 15 วัน, นายธิติ หรือ ออฟ ไวยสุกรี อายุ 26 ปี จำเลยที่ 13 จำคุก 11 ปี 10 เดือน 15 วัน, นายเมืองแมน หรือนาจ นิลโพธิ์ทอง อายุ 18 ปีเศษ จำเลยที่ 14 จำคุก 13 ปี 6 เดือน 20 วัน, นายขวัญชัย หรือขวัญ สุขเสมอ อายุ 29 ปี จำเลยที่ 17 จำคุก 19 ปี 3 เดือน, นายไน้ท หรือปอน จ้อยเจริญ อายุ 20 ปี จำเลยที่ 19 จำคุก 14 ปี 10 เดือน 22 วัน, นายชนะชัย หรือกอล์ฟ ใจหล้า อายุ 25 ปี จำเลยที่ 20 จำคุก 16 ปี 4 เดือน 22 วัน 


และให้จำเลยรวม 16 คน คือจำเลยที่ 1-4, 7, 9-15, 17-20 ให้ร่วมกันชดใช้เงิน 35,400 บาท ให้กับโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์, ชดใช้เงินให้กับผู้เสียหายที่ 16 จำนวน 56,142.50 บาท, ให้จำเลยที่ 1-4, 7, 10, 12 ร่วมกันชดใช้เงิน 35,737 บาท ให้กับผู้เสียหายที่ 10, ให้จำเลยที่ 15 กับที่ 17 ชดใช้เงิน 55,352.50 บาท ให้กับผู้เสียหายที่ 12


ให้จำคุกนายศรายุทธ หรือเต๋า นุชแฟง อายุ 24 ปี จำเลยที่ 5, นายจีรศักดิ์ หรือหนึ่ง นีละเสวี อายุ 41 ปี จำเลยที่ 6, นายชัชศิริ หรือกล้วย แซ่โง้ว อายุ 39 ปี จำเลยที่ 8, นายสิทธิชัย หรือต่าย จรสุข อายุ 37 ปี จำเลยที่ 21 และนายพีรพล หรือนะ เอมชาวนา อายุ 28 ปี จำเลยที่ 22 ให้จำคุก คนละ 2 เดือน ปรับคนละ 2,500 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้ มีกำหนด 2 ปี พิพากษายกฟ้อง นายดลราม หรือฟลุค เก่งวิชา อายุ 27 ปี จำเลยที่ 16 


ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้ศาลจำคุกจำเลยสูงสุด 19 ปี 3 เดือน จึงเห็นว่าศาลได้พิพากษาลงโทษสถานหนักแล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เป็นการท้าทายสังคมและกฎหมาย โดยคำตัดสินก็เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนอัยการเราทำหน้าที่ฟ้องคดีไปตามกฎหมาย ข้อเท็จจริงและหลักฐานทางคดี อัยการเราได้ตรวจสอบดูภาพถ่ายในที่เกิดเหตุ ดูภาพจากกล้องวงจรปิดและวัตถุพยานว่าใครเข้าร่วมเหตุการณ์ ใครโบกมือห้ามเพื่อน ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ยืนยันว่า อัยการไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ใด


สุดท้ายนี้ ตนอยากให้ทั้ง 2 คดี คือ บุกโรงเรียนวัดสิงห์กับคดีลัลลาเบล เป็นบทเรียนให้กับวัยรุ่นที่ไปกับเพื่อน ต้องรู้จักรักตัวเองให้มาก สถานที่ใดเป็นสถานที่อโคจรก็ไม่ควรไป และต้องรู้จุดไหนสถานการณ์ใดควรต้องแยกตัวออกมา ไม่ว่างานบวช หรืองานรื่นเริงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากมีสุรา สิ่งมึนเมาเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมา ดังนั้นเราต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดคือ พ่อแม่และตัวเอง


ผู้สื่อข่าวรายงายเพิ่มว่า กรณีบุกรุกโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ดังกล่าว นอกจากชายฉกรรจ์ที่ถูกยื่นฟ้องแล้ว ก็ยังมีกลุ่มเยาวชนอีก 4 คน ที่เป็นชายอายุ 16 ปี 2 คน และอายุ 17 ปี อีก 2 คน ซึ่งร่วมกับกลุ่มชายฉกรรจ์งานบวชพระวัดสิงห์นั้น ก็แยกดำเนินการตามขั้นตอน ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังศาลพิพากษาจำคุกแก๊งค์งานบวชวัดสิงห์ จำนวน 16 คน โดยไม่รอลงอาญาแล้ว จนกระทั่งสิ้นสุดเวลาทำการ ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้ง 16 คนแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวจำเลยทั้ง 16 คน ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษธนบุรีต่อไป


เครดิต ThaiPost.


ดาราตกอับ น้ำท่วม งบประมาณแผ่นดิน

มีดารา"ตกอับ"คนหนึ่ง โพสต์ว่า เงินภาษีไปไหน ..ทำไมต้องรับบริจาค
ผมไม่รู้ว่า"แกล้งโง่" หรือ "โง่จริง"
เพราะเวลาเกิดเรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดความเสียหายมาก เช่น กรณีเฮอร์ริเคนแคทลีน่าถล่มสหรัฐ หรือสึนามิที่ญี่ปุ่น ก็ต้องขอต่างชาติช่วยเหลือ
ไม่ใช่รัฐบาลไม่มีเงิน แต่เงินที่มีไม่สามารถเอามาใช้เพื่องานนี้ได้หมด
เพราะภาษีต้องใช้เพื่อการศึกษา เพื่อระบบสาธารณสุข เพื่อซ่อมแซมหรือสร้างถนนหนทาง ฯลฯ
.
มาดูงบประมาณของประเทศไทย
ตัวอย่าง ขอยกจาก ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 ได้กำหนดงบประมาณของรัฐบาลเป็นตัวเลขกลมๆไว้ที่ 2,900,000 ล้านบาท
ทีนี้ ..งบประมาณทั้งหมดไปไหน..
คำคอบคือ งบแต่ละปีจะถูกใช้จ่ายแยกไปตามกลุ่มงาน รวม 5 กลุ่มใหญ่ๆ แบ่งเป็น
1.กลุ่มงบประมาณรายจ่าย กระทรวง/หน่วยงาน = 577,064 ล้านบาท
2.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ = 572,482 ล้านบาท
3.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายพื้นที่ = 370,324 ล้านบาทก
4.ลุ่มงบประมาณรายจ่ายบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ = 260,819 ล้านบาท
5.กลุ่มงบประมาณแผนงานบุคลากรภาครัฐ = 1,021,488 ล้านบาท
.
ทีนี้..มาดูการแยกย่อย ก็จะพบว่า งบประมาณจะถูกแยกย่อยเพื่อพัฒนาประเทศด้านต่างๆคือ
1.งบการศึกษา = 523,569 ล้านบาท
2.งบสวัสดิการผู้สูงอายุ = 258,593 ล้านบาท
3.งบกองทัพ = 214,591 ล้านบาท
4.งบการขนส่ง = 202,453 ล้านบาท
5.งบสาธารณสุขอื่น (ซึ่งรวมถึงบัตรทอง) = 167,449 ล้านบาท
6.งบโรงพยาบาล = 125,394 ล้านบาท
7.งบตำรวจ = 118,230 ล้านบาท
8.ที่เหลือคืองบในลักษณะงานอื่นๆ
.
หากแยกเป็นงบตามประเภทที่จ่าย ก็จะพบว่า ตัวเลขมากที่สุดก็คือเงินเดือนข้าราชการและค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ที่ 626,181 ล้านบาท หรือประมาณ 22% มากกว่างบลงทุนทีาวางไว้ 492,439 ล้านบาท หรือประมาณ 16%
ทั้งนี้ ถ้าแยกเป็นกระทรวง กระทรวงที่ได้งบสูงสุด 5 ลำดับแรกจะประกอบด้วย
1.กระทรวงศึกษาธิการ 507,947 ล้านบาท (17.5%)
2.งบกลาง 415,583 ล้านบาท (14.3%)
3.กระทรวงมหาดไทย 354,303 ล้านบาท (12.2%)
4.กระทรวงการคลัง 238,241 ล้านบาท (8.2%)
5.กระทรวงกลาโหม 220,523 ล้านบาท (7.6%)
จึงควรจะเข้าใจมากกว่ามาถาม..เงินภาษีหายไปไหน

วิธีลงทะเบียนรับเงิน1,000บาท เที่ยวทั่วไทย กระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐแจกเงิน 1,000 บาทเที่ยวทั่วไทย วิธีลงทะเบียนรับเงิน 1,000 บาท เที่ยวทั่วไทย ขั้นตอนการลงทะเบียนรับเงิน 1,000 บาทเที่ยวทั่วไทย

รัฐแจก 1,000 บาท 10 ล้านคนเท่านั้น!!!

สรุปขั้นตอนการรับเงิน 1,000 บาท ดังนี้
มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ "ชิมช้อปใช้” รับเงิน "เป๋าตัง" (G-Wallet) จํานวน 10 ล้านคน ลงทะเบียนรับสิทธิ์ ได้ทางเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน - 15 พฤศจิกายน 2562 (รับลงทะเบียน วันละ 1 ล้านคน ต่อเนื่องทุกวัน จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน)

เงื่อนไขการเข้าร่วมมาตรการ
1.เป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
2.มีสมาร์ทโฟน ที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต และมี E-mail ที่สามารถติดต่อได้
วิธีการลงทะเบียน
1. เข้าเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน (หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป) -วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562
2. รับลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน (ลงทะเบียนต่อเนื่องทุกวัน จนกว่า จะครบ 10 ล้านคน)
3. กรอกข้อมูล ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และ E-mail พร้อมเลือก จังหวัดที่จะเดินทางไปใช้สิทธิ์ (ต้องไม่ตรงกับจังหวัดตามสําเนาทะเบียนบ้าน)
4. เมื่อลงทะเบียนสําเร็จ ระบบจะยืนยันให้ทราบทันทีว่า ท่านลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ภายใน 3 วัน ท่านจะได้รับการยืนยันรับสิทธิ์ทาง E-mail และ SMS
**กรณีลงทะเบียนไม่สําเร็จ ระบบจะแจ้งให้ทราบทันที ว่า “จํานวนการลงทะเบียนเต็มแล้วสําหรับรอบวัน” และท่าน สามารถลงทะเบียน ได้อีกครั้งในวันถัดไป

ระยะเวลาการพิจารณาสิทธิ์
1. ข้อมูลบุคคลที่ลงทะเบียนจะถูกส่งไปตรวจสอบความถูกต้องกับกรมการปกครอง
2. หากได้รับสิทธิ์ ธนาคารกรุงไทยจะส่ง E-mail และ SMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ แจ้งไว้ ภายใน 3 วัน พร้อมแจ้งรายละเอียด จังหวัด ระยะเวลา วันที่สามารถไปใช้สิทธิ์ ให้ทราบ
3. หากไม่ได้รับสิทธิ์ ทางธนาคารกรุงไทยจะแจ้งให้ผู้ลงทะเบียนทราบ
หมายเหตุ กรณีที่เกิดความผิดพลาด ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ใหม่ในวันถัดไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกรณีการผิดพลาดว่าจะลงทะเบียนใหม่ได้หรือไม่

ขั้นตอน การดาวน์โหลดApplication "เป๋าตัง"
1. ดาวน์โหลด Application “เป๋าตัง” จาก AppStore หรือ PlayStore
2. ยืนยันตัวตนตามขั้นตอน ดังนี้
- 2.1. สแกนบัตรประจําตัวประชาชน พร้อมกรอกข้อมูลตามหน้าบัตร
- 2.2. ถ่ายรูปเซลฟี่ (Selfie) ใบหน้าตนเอง
- 2.3. ยืนยันเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียน ด้วยรหัสยืนยันการทําธุรกรรม (OTP) ระบบจะแจ้งวงเงิน 1,000 บาท ใน เป๋าตัง ช่อง 1 และเริ่มใช้งานได้ทันที (ต้องมีการใช้จ่ายเป๋าตังช่อง 1 ครั้งแรก ภายใน 14 วันหลังได้รับ SMS หลังจากนั้นสามารถใช้สิทธิ์ได้เรื่อยๆ จนถึงวันที 30 พฤศจิกายน 2562)
- 2.4. มีเป๋าตัง ช่อง 2 เพื่อให้เติมเงินและนําไปใช้จ่ายได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้าน) พร้อมได้รับเงินชดเชย (Cash Back) เพิ่มอีก 15% แต่ไม่เกิน 4,500 บาท (จํากัดวงเงินการใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท)

**หมายเหตุ
-หากไม่มีการใช้จ่ายทั้ง 2 กระเป๋าภายใน 14 วัน จะถูกตัดสิทธิ์และไม่สามารถลงทะเบียนใหม่ได้อีก
-กรณีภายใน 14 วัน ใช้จ่ายเฉพาะเป๋าตังช่อง 2 (โดยไม่ใช้เป๋าตัง ช่อง 1 ) จะถูกตัดสิทธิ์เงิน 1,000 บาท แต่สามารถใช้สิทธิ์ Cashback ต่อเนื่องได้ถึง 30 พฤศจิกายน 2562

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
1. ข้อมูลลงทะเบียนประชาชน การรับสิทธิ์แอปพลิเคชั่น (Application) “เป๋าตัง”
ติดต่อ ธนาคารกรุงไทย โทร. 0 2111 1144
2. ข้อมูลลงทะเบียนผู้ประกอบการ การเข้าร่วมมาตรการ แอปพลิเคชั่น (Application) “ถุงเงิน” ติดต่อ กรมบัญชีกลาง โทร. 0 2270 6400
3. ข้อมูลท่องเที่ยว ติดต่อ ททท. โทร. 1672

เรื่องเศร้าของเด็กช่างชาติ เรื่องเศร้าของม็อบฮ่องกง

เรื่องเศร้าของเด็กชังชาติ
..
จีนใช้มุกใหม่ให้ม๊อบชังชาติเป็นหนูทดลองระบบ
.....ประเทศจีนเมื่อก่อนปกครองโดยระบอบมาร์กซิสต์สังคมนิยม แบบคอมมิสต์สายเหม๋า หันหลังให้ทุนนิยม ต่อมาเมื่อโลกเปลี่ยนไปจีนก็ค่อยๆ ปรับตัวเอง จนปัจจุบันจีนไม่ใช่คอมมิวนิสต์แบบดั้งเดิมอีกแล้ว แต่จีนใช้หลักคิดปกครองผสมผสานแบบ "อนุรักษ์นิยมสายใหม่" แต่คงความเป็น "ชาตินิยม"
.....ส่งผลประเทศจีนพลิกภายในไม่กี่สิบปีจากประเทศที่ลำบากแร้นแค้น กลายมาเป็นประเทศที่มั่งคั่งร่ำรวย เงินทองท่วมแผ่นดินจีน ชีวิตผู้คนมีคุณภาพดีขึ้น ทันสมัยก้าวหน้ามากขึ้น จนล้ำหน้าฝรั่งตะวันตก และถึงขึ้นเป็นเจ้าหนี้ของอเมริกาถึง 37 ล้านล้านบาททีเดียว
.....จีนมักสร้างกฎใหม่ๆ แหกทุกกฎ กบฎทุกตำราของฝรั่งอยู่เสมอ เช่น หากต่างชาติจะมาลงทุนในจีนก็จะต้องจัดสรรหุ้นบริษัทให้รัฐบาลจีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 และจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีนด้วย เป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว โดนทั้งบริษัทญี่ปุ่น และฝรั่งหัวแดง รัฐบาลจีนนั่งกินผลกำไรอย่างเดียวจนอ้วน
.....ซึ่งบริษัทไอโฟนของมะกันโดนมาแล้ว เมื่อบริษัทร่วมทุนจีนรับผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนยี่ห้อไอโฟนขายส่งให้มะกันเครื่องละราวไม่เกิน 400 บาท แต่ไอโฟนไปขายทั่วโลกเครื่องละหลายหมื่นบาทกำไรท่วมหัว ต่อมาจีนเรียนรู้เทคโนโลยีแล้วพัฒนาไปให้ก้าวหน้าทัดเทียมมะกัน จึงผลิตโทรศัพท์หัวเหว่ยออกมาสู้ในราคาถูกกว่าไอโฟน
.....ผลคือไอโฟนเดี้ยงและเป็นสาเหตุหนึ่งที่จีนกับมะกันเปิดสงครามการค้ากันจนทั้งโลกอลเวงมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้จีนออกมุกใหม่เพื่อมาจัดการกับม๊อบยุวชนชังชาติ และบรรดานักการเมืองฝ่ายค้านผู้หนุนหลังในฮ่องกง โดยรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่อัดฉีดเงินนิดหน่อยจิ๊บๆ จำนวนราว 710 ล้านบาทเข้าฮ่องกง
.....เพื่อจ้างแรงงานชาวฮ่องกง อัตราเงินเดือนเฉลี่ย 141,000 บาท และสูงได้ถึง 236,000 บาท และยังจัดหนัก สวัสดิการต่างๆ สารพัดเพื่อให้คนฮ่องกงพวกนี้ "ช่วยถ่ายทอดและพัฒนาเมืองเซินเจิ้นของจีน มาทดแทนฮ่องกง" เพื่อที่จีนจะปล่อยให้พวกชังชาติฮ่องกงเน่าตาย ถอยพัฒนาการชีวิตไปถึงยุคหิน
..โดยจีนตั้งเสปคแรงงานที่จะรับทำงาน คือ "ไม่มีประวัติถูกจับกุมหรือร่วมในการประท้วงฮ่องกง" โดยจะได้สิทธิรับการสนับสนุนพัฒนาธุรกิจจากภาครัฐเป็นกรณีพิเศษ สิทธิลดหย่อนภาษี และสิทธิ์ในการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ในมณฑลกวางตุ้ง
.....แม่จ้าว..โปรโมชั่นนี้เล่นเอาม๊อบยุวชนชังชาติร้องจ๊ากๆ เพราะพวกตนขาดคุณสมบัติหลายแสนถึงกว่าล้านคน เพราะฐานข้อมูลประวัติอาชญากรรม และกล้อง AI อัจริยะของจีนทั่วเกาะฮ่องกง ได้บันทึกภาพใบหน้า บันทึกประวัติพวกเขาเชื่อมกับฐานข้อมูลประชากรฮ่องกงไว้หมดแล้ว
.....สรุป..เยาวชนฮ่องกงที่เป็นพวก อนุรักษ์นิยมสายใหม่ ชาตินิยม จีนจะรับเข้าทำงานพัฒนาเมืองเสินเจิ้นให้มาทดแทนฮ่องกง เงินเดือนกว่า 1.4 แสนบาทสวัสดิการอีกเพียบ ลดราคาที่อยู่อาศัยให้ถูกๆ แถมมีสิทธิ์ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีในข้ามคืนก็ว่าได้
.....ส่วนพวกม๊อบยุวชนชังชาติ ก็ปล่อยให้กินประชาธิปไตย กินแก๊สน้ำตา และกระบองตำรวจฮ่องกง ประทังชีวิตไปวันๆ ใครถูกจับได้ก็เอาไปขังใช้แรงงานที่ชายแดนจีน และสภาพฮ่องกงในอนาคตจะเสื่อมทรามลง คล้ายเมืองเกาลูนยุคอังกฤษปกครองฮ่องกง

@Dandee

กัญชาถูกกฏหมายแล้ว น้ำมันกัญชาถูกกฎหมายแล้ว น้ำมันกัญชารักษาโรคถูกกฎหมาย ประกาศน้ำมันกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป

กัญชาถูกกฏหมายแล้ว น้ำมันกัญชาถูกกฎหมายแล้ว น้ำมันกัญชารักษาโรคถูกกฎหมาย ประกาศน้ำมันกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป

ราชกิจจาฯ ออกประกาศเผยแพร่ ปลดล็อกสาร กัญชง-กัญชา พ้นยาเสพติด

วานนี้  (31 ส.ค.62) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข  เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 โดยสาระสำคัญ ถึงการยกเว้นสารสกัดที่เป็นประโยชน์ และส่วนประกอบบางชนิด ของกัญชาและกัญชง ถูกยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5   ซึ่งประกอบด้วย

1.สารแคนนาบิไดออล หรือ CBD ที่สกัดจากกัญชาและกัญชง ซึ่งมีความบริสุทธิ์มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 99  สามารถนำไปผสมในอาหาร เครื่องสำอาง ได้

2.สารสกัด หรือผลิตภัณฑ์จากสารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล เป็นส่วนประกอบหลักและมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือTHC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก สามารถนำมาทำเป็นยา และผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้

3.เปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง เส้นใยแห้งของกัญชาและกันชง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้จากส่วนประกอบเหล่านี้ 

4.เมล็ดจากกัญชง หรือน้ำมันจากเมล็ดกัญชง ซึ่งเป็นอาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหารและต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ทางอาหารเท่านั้น 

5.น้ำมันจากเมล็ดกัญชงหรือสารสกัดจากเมล็ดกัญชง ซึ่งเป็นเครื่องสำอางตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอางต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ทางเครื่องสำอางเท่านั้น   ซึ่งเมล็ดกัญชงที่นำไปประกอบอาหารหรือเครื่องสำอางต้องเป็นเมล็ดที่ไม่สามารถนำไปเพาะพันธุ์ได้ 

ทั้งนี้ การจำหน่ายจะทำได้ภายในประเทศเท่านั้น มีระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ประกาศนี้มีผลบังคับใช้ 

เรียบเรียงโดย : เอกสิทธิ์ ชูวารี

บัตรคนจน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนกันยายน2562

รัฐบาลเตรียมแจกเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือนกันยายน 2562 ได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว และกำหนดระยะเวลาการจ่ายเงิน ดังนี้


มาตรการ วันที่เงินเข้ากระเป๋าเงิน e-Money


1. มาตรการพยุงการบริโภคฯ 500 บาทต่อคนต่อเดือน 


ผู้มีสิทธิที่มีเลขบัตรประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 31 33 37 38 และ 39


เงินเข้า : วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2562


ผู้มีสิทธิที่มีเลขบัตรประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 32 34 35 และ 36


เงินเข้า : วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2562


ผู้มีสิทธิที่มีเลขบัตรประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 1  2  4  5 และ 8


เงินเข้า : วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2562


2. มาตรการมอบเงินช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุฯ 500 บาทต่อคนต่อเดือน


เงินเข้า : วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562


3. มาตรการช่วยเหลือการเลี้ยงดูบุตรฯ 300 บาทต่อคนต่อเดือน


อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวเพิ่มเติมว่า ให้ธนาคารกรุงไทยดูแลการเติมเงินในตู้ ATM เป็นกรณีพิเศษ ทั้งการเติมธนบัตรใบละ 100 บาท และ 500 บาท โดยเพิ่มรอบการเติมเงิน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนทั่วไป


ทั้งนี้ เงินในประเป๋า e-Money ที่รัฐจ่ายให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่จำกัดเวลาการใช้จ่าย สามารถถอนวันไหนก็ได้ หรือใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่รับชำระเงินผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และ Mobile Application ถุงเงินประชารัฐ, ร้านค้าทั่วไปที่รับชำระเงินผ่านเครื่อง EDC แบบพร้อมการ์ด (Prompt Card) ที่สำคัญยังสะสมไว้ใช้จ่ายเมื่อจำเป็น สะสมไว้เป็นเงินออมในบัตรได้


บทความแนะนำ Recomment Article

วิเชียร ชิณวงษ์ ประวัตินายวิเชียร ชิณวงษ์ ประวัติวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าชุดจับกุม CEO อิตาเลี่ยนไทยลักลอบล่าสัตว์ป่า

ประวัติของนายวิเชียร ชิณวงษ์ นายวิเชียร ชิณวงษ์ เกิดที่บ้านลิ้นฟ้า อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ เรียนจบจากศรีสะเกษวิทยาลัย และจบมหาวิทยา...